Your cart is currently empty!
[Basic Python] สรุปวีดิโอสอนเขียน Python ของ SIPA
ล่าสุดไปเจอคนแชร์วีดิโอสอนเขียนโปรแกรมของ SIPA ครับ ซึ่งมีภาษา C กับ Python พอดีภาษา C เคยเขียนนิดหน่อยแล้ว เลยมาลองเรียน Python ดู
คนสอนคอร์สนี้คือพี่ปิงครับ เป็นรุ่นพี่ที่จุฬาฯ ซึ่งเนื้อหาดีมากครับ โจทย์ก็ไม่ง่าย ขนาดเคยเขียนโปรแกรมมาแล้วยังต้องหยุดคิด (แต่ถ้าสอนติดตั้ง Python ด้วยจะดีมาก ; w 😉 ถ้าสนใจดูวีดิโอได้ที่ด้านล่างเลย อ้อ อันนี้เค้าไม่ได้ทำ Playlist ไว้ครับ บางทีต้องมานั่งกดดูตอนต่อไปจากข้าง ๆ เอง
ส่วนถ้าขี้เกียจดูวีดิโอ ในบลอคนี้ก็จะสรุปให้คร่าว ๆ ครับ
ข้อมูลคร่าว ๆ ของภาษา Python
Python เป็นภาษาที่โค้ดไม่มี ; ปิดท้าย และไม่มี { } โดยจะใช้พวก : แทน เช่น
x = 10 if(x == 10): print("x is 10") y = 5
นอกจากนั้นต้องใช้ย่อหน้าแทน { } เช่น เวลาอยากได้ if ซ้อนกัน เช่น
if (x == 10): if(y == 5): print("x is 10 and y is 5")
การประกาศตัวแปรใน Python
Python ประกาศแบบง่าย ๆ เลย ไม่ต้องกำหนดประเภทตัวแปรให้ลำบาก เช่น
x = "Hello World"
การเขียนเงื่อนไข If, Else ใน Python
แต่ละภาษานี่ if, else ปวดหัวมาก เพราะบางตัวเขียน elseif บางตัวเขียน else if = = ส่วนของ Python หน้าตาเป็นแบบนี้
if (x == 10): xxx elif(x == 5): xxx else: xxx
Python นี่งงกว่าเดิม เขียน elif… จะตัดคำไปไหนครับ T_T
ส่วนการเปรียบเทียบก็จะมี ==, !=, >, <, >=, <=, >_< (อันสุดท้ายไม่มีนะครับ)
นอกจากนั้นถ้าจะมีหลายเงื่อนไขใน if เดียว สามารถใช้ and หรือ or เชื่อมได้ จะใส่กี่เงื่อนไขเชื่อมกันก็ได้ เช่น
if (x == 10 and y == 10): if (x == 10 or y == 10 or z == 10):
การเล่นกับ String ใน Python
เราสามารถกำหนด String โดยใช้ “…” ครอบได้ เช่น
hello = "Hello World"
โดยจะแบ่ง index เป็น Array ตามตัวอักษร เช่น hello[0] จะเป็นตัว H โดยเรียงไป 0 1 2 3 4 = H e l l o
ซึ่งความเมพของ Python คือมันสามารถเลือกตัวอักษรเป็น Range ได้โดยใช้ : คั่นระหว่างตำแหน่ง เช่น
hello[0:4] // ได้ Hello hello[5:9] // ได้ World
นอกจากนั้นไม่ต้องกำหนด index เฉพาะตัวหน้าหรือตัวหลังได้ เพื่อกำหนดเป็นเริ่มจากตัวแรกอัตโนมัติ หรือเลือกไปถึงตัวสุดท้ายแบบอัตโนมัติ เช่น
hello[:4] // Hello hello[5:] // World
ส่วนถ้าเราอยากได้ความยาว (Length) ของ String ก็สามารถใช้ฟังก์ชั่น len(ชื่อสตริง) ได้ เช่น
print( len(hello) ) // ได้ 10
ส่วนถ้าอยากหาตำแหน่งของคำที่ต้องการจากประโยค สามารถใช้ ชื่อสตริง.find(“คำค้น”) ได้ มันจะ return index ที่เจอคำนั้นมาให้ เช่น
hello = "Hello World" print( hello.find("World") ) // ได้ 5 pos = hello.find("World") // pos = 5 print( hello[pos:] ) // World
การ Print ค่าต่าง ๆ ใน Python
จะเห็นจากตัวอย่างโค้ดแล้ว ว่าปกติเราสามารถใช้ print(“Hello”) ได้เลย
แต่ Python ก็สามารถทำแบบ printf ในภาษา C ได้แบบใช้ print(“%d – %d” % (var1, var2)) อะไรแบบนี้
การสร้าง Function และใช้ฟังก์ชั่นใน Python
การประกาศฟังก์ชั่นใน Python จะเหมือน Ruby เลยครับ คือใช้ def
def function_name(arg1, arg2): arg3 = arg1 + arg2 return arg1, arg2, arg3
จะเห็นว่ามันก็ส่ง Argument ได้เหมือนภาษาโปรแกรมมิ่งทั่วไป แต่ความเด็ดคือเวลา return มันสามารถ return ค่าได้มากกว่า 1 ค่าพร้อมกัน ซึ่งเวลาเรียกใช้ฟังก์ชั่นก็ทำแบบนี้
a1, a2, a3 = function_name(1, 2)
การวนลูป While ใน Python
ตัวอย่างโค้ดการวน while สามารถทำได้ดังนี้
x = 1 while(x <= 10): x += 1
หรือเราสามารถออกจาก Loop โดยการใช้ break ได้ เช่น
x = 1 while(True): x = x + 1 if(x > 5): break
การ Cast String ใน Python
การ Cast หมายถึงการเปลี่ยนตัวแปรจากประเภทหนึ่งไปเป็นอีกประเภท อันนี้คือการเปลี่ยนตัวเลขไปเป็น String โดยใช้คำสั่ง str(ชื่อตัวแปร) ได้เลย
x = 5 str(x) // "5"
Array (List) ใน Python
เห็นในคลิปเรียก List แต่เข้าใจว่าหลายคนอาจจะชินกับคำว่า Array มากกว่า การใช้ Array ใน Python ก็เป็น Syntax ที่น่าจะคุ้น ๆ กันอยู่แล้ว ประมาณนี้ครับ
x = [1, 2, "Hello", "World", ["Var1", "Var2"]] x[0] // 1 x[1:2] // [2, "Hello"] x[4][0] // "Var1" x.append(3) // [1, 2, ..., 3] x.append([3, 4]) // [1, 2, ..., 3, [3, 4]] x + [3, 4] // [1, 2, ..., 3, [3, 4], 3, 4] print(len(x)) // ได้จำนวนค่าใน List
ประมาณนี้ก่อน ในวีดิโอถึงประมาณตอนที่ [4-1] ครับ ถ้าสนใจไปเรียนต่อกันได้ที่ Youtube เลย :3
by
Tags:
Leave a Reply