[Thai Book Review] คิดแบบยิว ทำแบบญี่ปุ่น

วันนี้ได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับการสร้างความมั่งคั่งแบบมีความสุข แถมด้วยข้อคิดดี ๆ หลายอย่างเกี่ยวกับการบริหารจัดการเงินของเศรษฐีชาวยิว เลยสรุปมาเป็นทวีตใน Twitter.com/woraperth มาให้ครับ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่สนใจอยากศึกษาวิธีการบริหารเงินของตัวเอง

รายละเอียดหนังสือ


ชื่อหนังสือ คิดแบบยิว ทำแบบญี่ปุ่น
ผู้เขียน Honda Ken (ฮอนดะ เคน)
ผู้แปล บรรเจิด ชวลิตเรืองฤทธิ์

สรุปข้อคิดดี ๆ จากหนังสือ

  • เคล็ดลับข้อที่ 1
    • คนที่เงินเดือน 5 ล้านบาท ต่างกับคนที่เงินเดือน 5 แสน หรือ 5 หมื่นยังไง? ไม่ใช่อยู่ที่ความพยายาม หรือความสามารถมากน้อย แต่ค่าตอบแทนอยู่ที่ปริมาณและคุณภาพของผลงานต่างหาก โฟกัสที่ผลงานมากกว่าตัวเงิน
    • โลกนี้มีคนอยู่ 2 ประเภท
      • คนที่ไม่มีอิสระ (ข้าราชการ พนักงานบริษัท เจ้าของธุรกิจส่วนตัว หรือแม้แต่ผู้บริหารบริษัทใหญ่)
      • คนที่มีอิสระ (เจ้าของร้านอาหาร นักเขียนที่ได้ค่าลิขสิทธิ์ มงกุฏเพชรmlm นักลงทุนหุ้น) งานแบบไม่มีอิสระคืองานที่คนขยันหรือขี้เกียจก็รายได้เท่ากัน
    • เจ้าของธุรกิจส่วนตัวคืออาชีพที่อิสรภาพน้อยที่สุด ดูเหมือนจะสบายเพราะทำงานที่ไหนตอนไหนก็ได้ จริงๆแล้วต้องทำหลายอย่างมาก เช่น โปรโมท, คุยลูกค้า กลายเป็นต้องทำงาน 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด จะได้พักต่อเมื่อตายไปแล้ว ภายนอกดูดี แต่ภายในไม่มีเวลาให้ตัวเอง เพื่อนฝูง และครอบครัว
    • เมื่อไหร่ที่เราเห็นความเจริญรุ่งเรืองของ บ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต แปลว่าเราติดกับดักเรียบร้อยแล้ว
  • เคล็ดลับข้อที่ 2
    • แพทย์ ทนายความ นักกีฬา ศิลปิน เป็นอาชีพที่ไม่มีอิสรภาพ เพราะถ้าคนเหล่านี้หยุดทำงานก็จะไม่มีรายได้ และต่อให้พยายามทำธุรกิจอื่นควบคู่ไปด้วยเพื่อให้กลายเป็นคนมีอิสรภาพก็จะทำได้ยาก เพราะกฏในการใช้ชีวิตแบบคนมีอิสรภาพกับไม่มีนั้นแตกต่างกัน
    • อาชีพที่มีอิสรภาพ คือ อาชีพที่สร้างคุณค่าให้ผู้คน เช่น เป็นเจ้าของร้านค้า แล้วจ้างพนักงานเก่ง ๆ มาดูแลแทนเรา หรือเป็นเจ้าของธุรกิจเครือข่าย ให้คนมาขายของแล้วรอรับส่วนแบ่ง (ธุรกิจเครือข่ายต่างกับธุรกิจกินหัวคิว ตรงที่เครือข่ายจะจ่ายตามยอดขาย ส่วนหัวคิวจ่ายคนมาก่อนเยอะ)
    • คนที่ไม่มีอิสรภาพจะมีงานเต็มวัน คิดเรื่องงานแม้เสาร์อาทิตย์ หรือไปเรียนเพิ่มซึ่งทำให้เค้ามีความรู้การทำงานมากขึ้นเท่านั้น เค้าไม่สามารถหลุดพ้นจากการเป็นคนไม่มีอิสรภาพได้เพราะเค้าเลือกที่จะเป็นแบบนั้น ส่วนคนมีอิสรภาพตื่นมาจะมีสิ่งที่ต้องทำน้อยมาก พกสมุดไอเดียแทนตารางงาน
    • คนเราชอบหาชีวิตที่มั่นคง ผลตอบแทนดี และที่เราถนัด มากกว่าจะทำงานที่ชอบแล้วยอมลำบากในช่วงแรก ทำให้เค้าต้องมีชีวิตที่น่าเบื่อไปไม่มีสิ้นสุด
    • คนที่ทำงานที่ไม่มีความสุขจะใช้เงินเดือนเพื่อทำให้ตัวเองมีความสุข ซึ่งสุดท้ายแล้วเงินเค้าก็จะหมด และต้องทำงานไปเรื่อย ๆ, มีคนประเภทที่เดินทางหาเป้าหมายในชีวิตไปเรื่อย ๆ ไม่จบสิ้น ซึ่งจริงๆก็ทำให้หัวใจอิสระคือเราต้องรู้ว่าตัวเองอยากได้อะไร และรักในสิ่งที่ทำอยู่
    • วิธีที่ดีที่สุดในการตามหาสิ่งที่รัก คือ รักในงานที่กำลังทำอยู่ คนเรามักคิดว่าต้องหางานที่รักให้เจอก่อน แต่จริง ๆ แล้ว ถ้าเรามีความพยายาม และหาความรักในงานที่กำลังทำเจอ เราก็จะมีความสุข ความมั่งคั่ง มิตรภาพ และความรู้สึกอิ่มเอิบก็จะมาโดยอัตโนมัติ
  • เคล็ดลับข้อที่ 3
    • หัดใช้ชีวิตเหมือนคนพายเรือ ดูกระแสน้ำ กระแสลม (เทรนด์ในสังคม และขาขึ้นขาลงของตัวเอง) ให้ถูก ไม่ใช่ดูแต่ว่าอยากขึ้นเรือที่หน้าตาแบบไหน เพราะเรือใหญ่ก็ล่มได้เหมือนกัน, หัดมองคนให้เป็นว่าเค้าเป็นคนดีหรือไม่ดี ยิ่งเป็นคนที่เราจะทำธุรกิจด้วยแล้วยิ่งสำคัญ
  • เคล็ดลับข้อที่ 4
    • หาว่าตัวเราเองคิดอะไรอยู่กันแน่ หลายคนยุ่งวุ่นวายกับชีวิตประจำวัน คุยกับคนอื่นจนลืมคุยกับตัวเอง, เราคิดอะไรจะได้สิ่งนั้น คนชอบคิดเรื่องไม่ดี คิดเรื่องกลัวโดนไล่ออก เลยต้องทำงานวนไป ให้ลองคิดเรื่องดี ๆ แทนจะมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้น
    • คนเขียนได้รับโจทย์ให้ขายหลอดไฟ 1,000 หลอด แต่ลองไปขายแล้วไม่มีใครซื้อ เลยเปลี่ยนวิธี ไปเคาะแล้วบอกว่ามีบริการเปลี่ยนหลอดไฟฟรี ขอแค่ค่าหลอดไฟ เพราะรัฐฟลอริดามีคนแก่เยอะที่เปลี่ยนหลอดไฟไม่ไหว เลยทำให้ภารกิจสำเร็จ
  • เคล็ดลับข้อที่ 5
    • ถ้าอยากทำธุรกิจให้สำเร็จ สิ่งที่สำคัญที่สุดคืองานขาย ไม่มีธุรกิจไหนอยู่รอดได้ถ้าไม่ขายของ ถ้าทำเป็นไม่อดตายแน่นอน เรื่องนี้สำคัญกว่าทฤษฎีการบริหารอีก ซึ่งการจะขายดีเราต้องเข้าใจพฤติกรรมคน ถ้าเข้าใจจะขายสินค้าอะไรก็สามารถปรับใช้ได้
    • 5 กฏสู่ความสำเร็จในการขาย
      • 1) มั่นใจว่าขายได้แน่
      • 2) เป็นคนที่ไว้วางใจได้
      • 3) พูดให้เห็นภาพและสร้างอารมณ์ร่วม
      • 4) รู้เรื่องตัวสินค้าและบริการอย่างทะลุปรุโปร่ง
      • 5) มีเทคนิคปิดการขาย (ทำสัญญา)
  • เคล็ดลับข้อที่ 6
    • คนที่ประสบความสำเร็จเป็นคนที่พูดเก่ง คำว่าพูดเก่งไม่ใช่พูดคล่องลื่นไหล แต่เป็นการพูดที่เข้าใจได้ง่าย เข้าถึงคนฟัง และต้องซื่อสัตย์กับสิ่งที่ตัวเองพูด
  • เคล็ดลับข้อที่ 7
    • คนเราจะมีเพื่อน-ญาติประมาณ 300 คน ถ้าทำให้คนเหล่านี้รักเราได้ เค้าก็จะคอยช่วยเหลือ บอกต่อปากต่อปากกับอีก 300 คนที่เค้ารู้จัก เป็น 90,000 คน > 27 ล้านคน, ไปสนิทกับคนที่สำเร็จกว่าเรา แล้วเราจะสำเร็จเอง
    • การเข้าหาคน ให้เข้าหาคนใหญ่คนโตแบบคนธรรมดา และเข้าหาคนธรรมดาแบบเค้าเป็นคนใหญ่คนโต จะทำให้คนเหล่านี้พอใจ
    • มิตรภาพที่อยู่เหนือเรื่องกำไรขาดทุน ถือเป็นมิตรภาพที่สำคัญที่สุดในชีวิต, คบคนให้หลากหลายอาชีพ หลากหลายระดับ และให้เกียรติเค้า คุณค่าของคนรู้จักไม่ใช่ที่อำนาจ แต่เป็นเรื่องของความสนิทสนม เราจะประสบความสำเร็จยิ่งเร็วถ้ามีคนสนิทเยอะ
  • เคล็ดลับข้อที่ 8
    • กฏของเงิน เป็นเรื่องที่ทุกคนควรรู้ แต่แปลกว่าในโรงเรียนสอนแต่คณิต วิทย์ แทนที่จะเอาเวลาสัก 1 ชมมาสอนเรื่องเงิน, คนส่วนใหญ่อยากได้เงิน แต่ก็ไม่อยากได้ในขณะเดียวกัน เพราะมีทัศนคติที่ไม่ดี เช่น เคยเจอคนทะเลาะกันเพราะเรื่องเงิน หรือเคยอยากได้ของแต่เงินไม่พอ
    • 5 กฏของเงิน
      • 1) รู้ว่าจะหาเงินอย่างไร
      • 2) ใช้เงินอย่างฉลาด คนหาเงินเยอะก็ล้มละลายได้ถ้ารายจ่ายเยอะตาม แยกสิ่งจำเป็นกับสิ่งสำคัญให้ออก
      • 3) รู้จักปกป้องเงินจากภาษี,ภรรยา,เพื่อน,และ18มงกุฏที่ทำให้เราโลภแล้วตกหลุมพราง
      • 4) รู้จักลงทุน
      • 5) แบ่งปัน เศรษฐีจะบริจาค 10% ของรายได้
    • ถ้าเรามีความใจถ่องแท้เรื่องเงิน เราก็จะหยุดกังวลเรื่องเงิน และไม่เจออุปสรรคเรื่องเงินไปตลอดชีวิต, ไม่มีใครครอบครองเงินเป็นของตัวเองคนเดียวได้ เงินเป็นแม่น้ำที่ไหลไปเรื่อย ๆ เราทำได้แค่ขุดคลองให้น้ำไหลเข้ามา ถ้ากักเก็บไว้นานก็เน่า ต้องเอาไปหมุนเวียน ลงทุน ทำการกุศล
  • เคล็ดลับข้อที่ 9
    • ยิ่งทำให้คนรู้สึกพอใจ ยิ่งเพิ่มรายได้, การทำธุรกิจ คือ การนำเสนอสินค้า/บริการที่มีคุณค่าให้คนยอมจ่าย หาสิ่งที่เราชอบให้เจอ และศึกษาให้ลึก เพราะคนที่ได้ที่ 1 กับที่ 2 รายได้จะแตกต่างกันอย่างมหาศาล โดยเฉพาะความรู้การขายสำคัญมาก
    • การคิดแบบ “น้ำขึ้นให้รีบตัก” คือการคิดแบบคนจน ถ้าเราทำธุรกิจอย่างถูกวิธี โอกาสจะมาหาเราเรื่อย ๆ ไม่ต้องรีบเพราะโลภ, สร้างวงจรในธุรกิจที่ทำกำไรเช่นทำสินค้าคุณภาพดีจะทำให้ลูกค้าบอกปากต่อปาก, สร้างระบบให้ทำงานได้โดยไม่มีเรา จนลูกน้องบอก “ท่านประธานไม่ต้องมาทำงานแล้ว”
  • เคล็ดลับข้อที่ 10
    • ให้เขียนเรื่องที่อยากทำให้สำเร็จลงกระดาษ เราจะค่อยๆได้มันมาเองเมื่อถึงเวลา, การตั้งเป้าหมายสำคัญมาก ถ้าเรารู้สึกเครียดไปลองใช้คำอื่นเช่น ภาพที่วาดในหัว หรือ ทิศทาง แทน ถ้าไม่ตั้งเลยเราก็จะใช้ชีวิตไปเรื่อย ๆ ซึ่งก็โอเค ยกเว้นเราจะอยากมีชีวิตที่ต่างออกไป
    • การตั้งเป้าหมายให้สำเร็จ
      • 1) ตั้งเป้าหมายที่เร้าใจ
      • 2) ลงรายละเอียด เพื่อไม่ให้เป้าหมายใหญ่เกินจะทำไหว
      • 3) มีรางวัลถ้าเราทำสำเร็จจะมีความสุขแค่ไหน และบทลงโทษถ้าล้มเหลว
      • 4) จินตนาการว่าถ้าเราทำสำเร็จ ชีวิตจะมีความสุขแค่ไหน
      • 5) ลงมือทำเต็มที่ด้วยความกระตือรือร้น
    • การหาความสุขไม่จำเป็นต้องใช้เงินซื้อเสมอไป แต่เราชอบคิดแบบนั้นเพราะมีทัศนคติที่ไม่ดี เช่น ตอนเด็กอาจจะมีเหตุการณ์ไม่ได้ของที่อยากได้เพราะไม่มีเงิน ตัวอย่างกิจกรรม เช่น ออกกำลังกาย ก็ทำให้มีความสุขโดยไม่ต้องใช้เงิน
  • เคล็ดลับข้อที่ 11
    • คนเราเก่งด้วยตัวคนเดียวไม่ได้ ถ้าผู้บริหารบอกว่าสำเร็จด้วยตัวคนเดียว ลูกน้องจะรู้สึกไม่พอใจ ให้รู้จักขอบคุณคนอื่นที่ทำงานด้วยบ่อยๆ เค้าจะพอใจ, ปรึกษาคนเก่งเยอะๆ บางเรื่องเราหาเองใช้เวลานาน แต่อย่าถามมากเกินไปต้องหาความรู้เองด้วย
    • คนที่น่าปรึกษา เช่น ทนายความและนักบัญชี ซึ่งคนเหล่านี้ช่วยให้เราลดภาษีได้ เหมือนเราเอาเงินบริษัทไปจ่ายค่าแรงเค้าแทนจ่ายภาษี, ต้องขอบคุณคนเก่ง ๆ ที่ยอมเรียนรู้เป็น 10+ ปี เพื่อนำความรู้เค้ามาช่วยเหลือเรา
  • เคล็ดลับข้อที่ 12
    • คู่ชีวิตที่ดีสำคัญต่อการเป็นเศรษฐี ถ้าทะเลาะอย่าร้างยิ่งทำให้เราเครียดและเสียทรัพย์ ให้แต่งงานกับคนที่เรารักมากที่สุดและอยากอยู่ด้วยตลอดชีวิต
    • วิธีสร้างความสำเร็จในชีวิตคู่
      • 1) เมื่อมีปัญหา ให้พูดคุยและแก้ปัญหาทันที
      • 2) เวลาตัดสินใจอะไร ต้องเห็นด้วยทั้งคู่ เพราะคบกันคือลงเรือลำเดียวกัน อย่าให้ความสำคัญกับงานมากกว่าชีวิตคู่
      • 3) ขอบคุณกันอยู่เสมอที่หากันจนเจอ
      • 4) หาความสุขให้ตัวเอง อย่าคิดว่าเป็นหน้าที่อีกคน
      • 5) ตระหนักว่าสามีภรรยาใช้ชีวิตร่วมกัน รายได้เข้ามาถือเป็นของทั้งสองคน ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง ไม่งั้นจะทะเลาะบาดหมางกันได้ง่าย
  • เคล็ดลับข้อที่ 13
    • จิตสำนึกเศรษฐี คือให้คิดว่าเราเป็นเศรษฐีตั้งแต่ตอนนี้ คิดว่าพอเรารวยเราจะเป็นคนยังไง ให้คิดว่าเรามีเงินเก็บร้อยล้าน แต่เงินนี้อยู่ในธนาคารอีก 20 ปีถึงจะใช้ได้, ถ้าเราคิดว่าเราเป็นคนจน พยายามอยู่แบบคนจน งกทุกเรื่อง เราก็จะกลายเป็นคนจนอยู่ทั้งชีวิต
  • เคล็ดลับข้อที่ 14
    • เวลาตัดสินใจต้องใช้เวลาน้อยกว่า 5 นาที คนระดับสูงเช่นผู้บัญชาการกองทัพยิ่งต้องเร็ว ตัดสินใจช้าอาจจะหมายถึงชีวิตคน, บางคนชอบยืดเวลาตัดสินใจไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายไม่ตัดสินใจ เพราะกลัวล้มเหลว แต่การไม่ตัดสินใจคือความเสี่ยงที่สุดแล้ว ถ้าเราไม่ผิดพลาด เราก็จะไม่เติบโต
    • การสร้างนิสัยการตัดสินใจที่ดี
      • 1) ตัดสินใจแน่วแน่ อย่ากลัวความเสี่ยง
      • 2) จัดลำดับสิ่งสำคัญในชีวิต ว่าเราต้องการอะไร
      • 3) รู้จักรอ ถ้าตัดสินใจไม่ได้
      • 4) เชื่อว่าการตัดสินใจไม่มีคำว่าล้มเหลว ประสบการณ์ถูกลูกค้าปฏิเสธ 5 นาทีอาจจะช่วยเพิ่มยอดขายได้เยอะในอนาคต
      • 5) ตัดสินใจแล้วต้องเดินหน้า
  • เคล็ดลับข้อที่ 16
    • เราทำความฝันทั้งหมดให้เป็นจริงได้ ถ้าเราไม่ลืมความสำคัญของความฝันไปก่อน ซึ่งส่วนใหญ่มักจะหลงลืมไป
  • เคล็ดลับข้อที่ 17
    • ชีวิตจะดีหรือร้ายขึ้นอยู่กับเราตีความเอง ถ้าเราคิดว่าเราเป็นคนโชคดี เราก็จะโชคดี ถ้าคิดว่าเราโชคร้าย ก็จะเจอแต่เรื่องร้าย ๆ
    • อุปสรรคที่คนประสบความสำเร็จจะเจอ
      • 1) ลืมตัวว่าตัวเองเป็นใคร และลืมว่าคนอื่นก็มีทางชีวิตของตัวเอง อย่าเสียใจถ้าเราช่วยแล้วไม่เป็นแบบที่หวัง
      • 2) สูญเสียคนสนิท
      • 3) ปัญหาธุรกิจจะมาโดยไม่ทันรู้ตัว
      • 4) ยิ่งโตเร็วยิ่งเจ็บป่วยง่าย
      • 5) ไม่เชื่อมั่นในตัวเอง และแคร์คำพูดคนรอบข้าง คำพูดคนรอบข้างเป็นความเห็นของคนหนึ่งต่อเรื่องหนึ่งเท่านั้น เพราะคนเราไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง
      • 6) ความไม่เชื่อใจคนอื่น ความกังวลในอนาคต
      • 7) ความกลัวในการเปลี่ยนแปลงที่มาจากการประสบความสำเร็จ

สรุปข้อคิดจากหนังสือ

หนังสือเล่มนี้ดีมากตรงที่แนะนำหลายมุมมองในเรื่องการหาเงิน และการเก็บเงินได้ดีครับ และชอบที่เค้าใช้วิธีเล่าเรื่องจากการพูดคุยของคน 2 คน ทำให้เข้าใจเนื้อหาได้ง่ายมากครับ


Posted

in

by

Tags:

Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *